วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แบบฝึกหัด

ระบบปฎิบัติการ IOS    


ไอโอเอส (ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ ไอโฟนโอเอส) คือระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์พกพา (สมาร์ตโฟน,แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์) พัฒนาและจำหน่ายโดยแอปเปิล (บริษัท) เปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 เพื่อใช้บนไอโฟน และได้มีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อใช้บนอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ของแอปเปิล เช่น

ไอพอดทัช (ในเดือนกันยายน 2007)

ไอแพด (ในเดือนมกราคม 2010)

ไอแพด มินิ (พฤศจิกายน 2012)

แอปเปิลทีวีรุ่นที่ 2 (ในเดือนกันยายน 2010)



ข้อแตกต่าง

ไอโอเอสแตกต่างจากวินโดวส์โฟนของไมโครซอฟท์และแอนดรอยด์ของกูเกิล ตรงที่แอปเปิลไม่อนุญาตให้นำไอโอเอสไปติดตั้งบนอุปกรณ์ที่ไม่ใช่อุปกรณ์ของแอปเปิล


https://th.wikipedia.org/wiki/









ระบบปฎิบัติการ DOS      


DOS ย่อมาจาก Disk Operating System คืออระบบปฏิบัติการในช่วงแรกๆที่ได้รับการติดตั้งอย่างกว้างขวางในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC Computer ) DOS สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรก เรียกว่า Personal Computer Disk Operating System ถูกพัฒนาโดย Microsoft เรียกว่า MS DOS โดยที่ PC DOS และ MS DOS ได้รับอ้างถึงในชื่อ DOS ซึ่งการทำงานบนระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า DOS ส่วนใหญ่ จะเป็นการทำงานโดยการใช้คำสั่งทีละบรรทัดผ่านระบบ Command Line



ข้อแตกต่าง

DOS ย่อมาจาก Disk Operating System เป็นระบบปฏิบัติการยุคแรกๆของไมโครซอร์ฟก่อน Windows ครับวิธีการใช้งานต้องพิมพ์คำสั่งไปทางคีย์บอร์ดครับ

https://beerkung.wordpress.com/










ระบบปฎิบัติการ Linux      

เป็นระบบปฏิบัติการที่มีความสามารถสูง ในการบริหารระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีลักษณะคล้ายการจำลองการทำงาน มาจากยูนิกซ์ แต่จะมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่า เป็นระบบปฏิบัติการ ประเภทแจกฟรี (Open Source) ผู้นำไปใช้งาน สามารถที่จะพัฒนาและปรับปรุงในส่วนที่เกิดปัญหาระหว่างใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังสามารถปรับให้เข้ากับฮาร์ดแวร์ที่ใช้เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของระบบมากที่สุด และยังมีการเพิ่มสมรรถนะ (Update) อยู่ตลอดเวลา


ข้อแตกต่าง

ลีนุกซ์ (Linux) และวินโดว์ส (Windows) ต่างเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งระดับผู้ใช้ทั่วไป จนถึงระดับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ทว่าประสิทธิภาพของระบบทั้งสองนี้ กลับรับรู้กันอย่างคลุมเครือหรือไม่ก็เพียงเฉพาะระบบใดระบบหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นการลำบากอย่างยิ่งสำหรับผู้กำลังตัดสินใจที่จะใช้ระบบใดระบบหนึ่ง บนเครื่องของตน


http://surawutn.blogspot.com/2012/06/linux-windows.html









ระบบปฎิบัติการ Windows      

Windows คือ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง (operating system) สร้างขึ้นโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เนื่องจากความยากในการใช้งานดอสทำให้บริษัทไมโครซอฟต์ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Windows ที่มีลักษณะเป็น GUI (Graphic-User Interface) ที่นำรูปแบบของสัญลักษณ์ภาพกราฟิกเข้ามาแทนการป้อนคำสั่งทีละบรรทัด ซึ่งใกล้เคียงกับแมคอินทอชโอเอส เพื่อให้การใช้งานดอสทำได้ง่ายขึ้น แต่วินโดวส์จะยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการจริง ๆ เนื่องจากมันจะทำงานอยู่ภายใต้การควบคุมของดอสอีกที กล่าวคือจะต้องมีการติดตั้งดอสก่อนที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows และผู้ใช้จะสามารถเรียกใช้คำสั่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในดอสได้โดยผ่านทางWindows ซึ่ง Windows จะง่ายต่อการใชงานมากกว่าดอส

ข้อแตกต่าง

ลีนุกซ์(Linux)และวินโดว์ส(Windows) ต่างเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(PC)ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งระดับผู้ใช้ทั่วไป จนถึงระดับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ทว่าประสิทธิภาพของระบบทั้งสองนี้ กลับรับรู้กันอย่างคลุมเครือหรือไม่ก็เพียงเฉพาะระบบใดระบบหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นการลำบากอย่างยิ่งสำหรับผู้กำลังตัดสินใจที่จะใช้ระบบใดระบบหนึ่งบนเครื่องของตน ข้อเปรียบเทียบต่อไปนี้รวบรวมขึ้นเพื่อนำเสนอข้อแตกต่างของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ทั้งสองระบบ


http://surawutn.blogspot.com/2012/06/linux-windows.html








ระบบปฎิบัติการ Android 


แอนดรอยด์ (Android) คือระบบปฏิบัติการแบบเปิดเผยซอร์ฟแวร์ต้นฉบับ (Open Source) โดยบริษัท กูเกิ้ล (Google Inc.) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ มีจำนวนมาก อุปกรณ์มีหลากหลายระดับ หลายราคา รวมทั้งสามารถทำงานบนอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอ และความละเอียดแตกต่างกันได้ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามต้องการ


ข้อแตกต่าง

             


http://makky.in.th/2375/




วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Windows 8.1 : 2556

2556: Windows 8.1 ขยายวิสัยทัศน์ของ Windows 8






Windows 8.1 ต่อยอดวิสัยทัศน์ของ Windows 8ในการจัดหาแอปที่ทรงพลังและการเชื่อมต่อ Cloud บนอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม รวมถึงทุกสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบเกี่ยวกับ Windows 8 พร้อมด้วยส่วนปรับปรุงบางอย่าง
Windows 8.1 ผสานรวมวิสัยทัศน์ของ Microsoft's ในเรื่องการสร้างสรรค์นวัตกรรมโดยอาศัยคำติชมของลูกค้าเกี่ยวกับ Windows 8 เพื่อจัดหาส่วนปรับปรุงมากมายและฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น ตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับการปรับแต่งหน้าจอเริ่มโดยมีการซิงค์ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมด, ตัวเลือกในการบูตระบบไปยังเดสก์ท็อปโดยตรง, Bing Smart Search ที่ช่วยให้คุณพบสิ่งที่คุณกำลังค้นหาบนพีซีหรือเว็บ, ปุ่มเริ่มสำหรับนำทางระหว่างเดสก์ท็อปและหน้าจอเริ่ม และตัวเลือกที่ยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับการดูหลายๆ โปรแกรมในคราวเดียวกันบนหน้าจอเดียวหรือทุกหน้าจอ นอกจากนี้ยังมีแอปภายในใหม่ๆ หลายแอป เช่น Bing อาหารและเครื่องดื่ม, Bing สุขภาพและฟิตเนส และแอปอรรถประโยชน์ที่ยอดเยี่ยม เช่น รายการที่จะอ่าน เครื่องคิดเลข และนาฬิกาปลุก แอปดีๆ มากมายที่มีอยู่ใน Windows 8 กลับมาอีกครั้งและดีขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่น่าเพลิดเพลินมากขึ้นตั้งแต่ต้น
นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ผู้ใช้ดังกล่าวแล้วWindows 8.1 ยังประกอบด้วยฟีเจอร์รุ่นใหม่และรุ่นปรับปรุง เช่น โฟลเดอร์ Workplace Join และ Work ที่ช่วยให้อุปกรณ์ Windows เชื่อมต่อกับทรัพยากรภายในองค์กรได้ง่ายดายมากขึ้น
เกร็ดน่าสนใจ: ผู้ใช้ระดับสูงที่มีหลายจอภาพจะสามารถแสดงได้สูงสุดสี่แอปจาก Windows Store ต่อหน้าจอบนแต่ละจอภาพที่เชื่อมต่อกับพีซี

Windows 8 : 2555

2555: Windows 8 ประกอบด้วยแอปและไทล์


Windows 8 เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างสรรค์ใหม่ ตั้งแต่ชิปเซ็ตไปจนถึงประสบการณ์ผู้ใช้ และแนะนำส่วนติดต่อผู้ใช้รูปแบบใหม่ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นสำหรับทั้งระบบสัมผัสและเมาส์และแป้นพิมพ์ โดยจะทำหน้าที่เป็นแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงและพีซีที่มีคุณลักษณะครบครันเพื่อให้การทำงานสำเร็จลุล่วง Windows 8 ยังประกอบด้วยส่วนปรับปรุงของเดสก์ท็อป Windows ที่คุ้นเคย พร้อมแถบงานใหม่และการจัดการไฟล์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
Windows 8 มาพร้อมหน้าจอเริ่มที่มีไทล์ซึ่งเชื่อมต่อกับบุคคล ไฟล์ แอป และเว็บไซต์ แอปต่างๆ จะดูโดดเด่นสะดุดตาและสามารถดาวน์โหลดได้อย่างสะดวกจากสถานที่ใหม่ นั่นก็คือ Windows Store ที่อยู่บนหน้าจอเริ่ม
นอกจากนี้ Microsoft ยังเปิดตัว Windows RT ที่ทำงานบนแท็บเล็ตและพีซีบางเครื่อง พร้อมกับ Windows 8 ด้วย Windows RT ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์พกพาแบบเพรียวบางที่มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน และใช้แอปจาก Windows Store เท่านั้น นอกจากนี้ Windows RT ยังมาพร้อม Office ในตัวที่เหมาะสำหรับหน้าจอสัมผัสด้วย
เกร็ดน่าสนใจ: ผู้ใช้ระดับสูงจะสังเกตเห็นว่าการตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดในระบบไฟล์ของ Windows 8 สะดวกรวดเร็วขึ้นและรบกวนผู้ใช้น้อยลง






Windows 7 : 2552

2552 : Windows 7 แนะนำ Windows Touch


Windows 7 ออกแบบมาสำหรับโลกในระบบไร้สายที่เกิดขึ้นในปลายปี 2543 แล็ปท็อปมียอดขายดีกว่าเดสก์ท็อปและกลายเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้สำหรับเชื่อมต่อกับฮอตสปอตไร้สายสาธารณะตามร้านกาแฟและเครือข่ายส่วนตัวในบ้าน
Windows 7 มาพร้อมวิธีการใช้งานหน้าต่างแบบใหม่ เช่น Snap, Peek และ Shake ซึ่งช่วยปรับปรุงฟังก์ชันการทำงานและทำให้ใช้งานอินเทอร์เฟซได้สนุกมากยิ่งขึ้น และยังถือเป็นการเปิดตัว Windows Touch ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้หน้าจอสัมผัสสามารถท่องเว็บ พลิกดูภาพถ่าย รวมถึงเปิดไฟล์และโฟลเดอร์ได้



เกร็ดน่าสนใจ: Windows 7 รุ่นเบต้าผ่านการทดลองจากผู้ใช้ 8 ล้านคนทั่วโลกก่อนที่จะมีการวางจำหน่าย

Windows Vista : 2549 – 2551

2549 – 2551: Windows Vista — ประสิทธิภาพที่มาพร้อมความปลอดภัย





Windows Vista วางจำหน่ายในปี 2549 พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่สุด โดย User Account Control จะช่วยป้องกันซอฟต์แวร์ที่อาจเป็นอันตรายไม่ให้เปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ในเครื่องของคุณ ใน Windows Vista Ultimate การเข้ารหัสไดรฟ์ด้วย BitLocker สามารถให้การปกป้องข้อมูลที่ดีกว่าสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ เนื่องจากยอดขายแล็ปท็อปและความต้องการด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ Windows Vista ยังปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของ Windows Media Player ให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้ที่ใช้พีซีเป็นศูนย์รวมสื่อดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น คุณจึงสามารถดูทีวี ดูและส่งภาพถ่าย และแก้ไขวิดีโอบนพีซีได้

การออกแบบเข้ามามีบทบาทสำคัญใน Windows Vista และคุณลักษณะต่างๆ เช่น รูปลักษณ์ใหม่ของแถบงานและเส้นขอบรอบหน้าต่าง การค้นหากลายเป็นคุณลักษณะใหม่ที่มีความสำคัญและช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาไฟล์บนพีซีของตนได้รวดเร็วขึ้น Windows Vista นำเสนอโปรแกรมรุ่นใหม่ๆ ที่มีการผสมผสานของคุณลักษณะที่แตกต่างกัน โดยสามารถใช้งานได้ใน 35 ภาษา ปุ่ม 'เริ่ม' ที่ออกแบบใหม่ปรากฏเป็นครั้งแรกใน Windows Vista
เกร็ดน่าสนใจ: มีอุปกรณ์กว่า 1.5 ล้านชิ้นที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Vista เมื่อเปิดตัว

Windows XP : 2544–2548

2544–2548: Windows XP — ความเสถียร ความพร้อมใช้งาน และความรวดเร็ว


เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 มีการวางจำหน่าย Windows XP โฉมใหม่ ซึ่งเน้นไปที่ฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้จริงและศูนย์รวมข้อมูลความช่วยเหลือและวิธีใช้แบบครบวงจร โดยสามารถใช้งานได้ใน 25 ภาษา นับแต่ช่วงกลางปี 2513 จนถึงการวางจำหน่าย Windows XP มีพีซีประมาณ 1 พันล้านเครื่องทั่วโลกที่ติดตั้งโปรแกรมนี้
สำหรับ Microsoft ระบบปฏิบัติการ Windows XP กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ขายดีอันดับหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ด้วยความรวดเร็วและความเสถียรของระบบ การเข้าออกเมนู 'เริ่ม' แถบงาน และแผงควบคุมสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น มีการตื่นตัวเรื่องไวรัสคอมพิวเตอร์และแฮกเกอร์มากขึ้น แต่ก็มีการเปิดให้ดาวน์โหลดอัปเดตระบบความปลอดภัยทางออนไลน์ซึ่งช่วยลดความกลัวได้ระดับหนึ่ง ผู้ใช้เริ่มเข้าใจถึงคำเตือนเกี่ยวกับเอกสารแนบที่น่าสงสัยและไวรัส และเริ่มเห็นความสำคัญของบริการช่วยเหลือและวิธีใช้มากขึ้น



Windows XP Home Edition มีการออกแบบด้านภาพให้ดูสบายตาและเรียบง่าย ทำให้สามารถเข้าถึงคุณลักษณะที่ใช้งานบ่อยได้ง่ายขึ้น Windows XP ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานภายในบ้านมาพร้อมการปรับปรุงในส่วนต่างๆ เช่น Network Setup Wizard, Windows Media Player, Windows Movie Maker และความสามารถด้านภาพถ่ายดิจิทัลขั้นสูง
Windows XP Professional นำรากฐานที่แข็งแกร่งของ Windows 2000 มาเพิ่มความเสถียร ความปลอดภัย และประสิทธิภาพการทำงานให้กับพีซีเดสก์ท็อป นอกเหนือจากรูปลักษณ์ใหม่แล้ว Windows XP Professional ยังมาพร้อมคุณลักษณะต่างๆ สำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ในธุรกิจและการใช้คอมพิวเตอร์ขั้นสูงที่บ้าน การสนับสนุนเดสก์ท็อประยะไกล การเข้ารหัสระบบไฟล์ รวมถึงคุณลักษณะการคืนค่าระบบและการเชื่อมต่อเครือข่ายขั้นสูงด้วย การปรับปรุงที่สำคัญสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพา ได้แก่ การสนับสนุนเครือข่ายไร้สาย 802.1x, Windows Messenger และ Remote Assistance

มี Windows XP หลายรุ่นในช่วงปีเหล่านี้
  • Windows XP รุ่น 64 บิต (2001) เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกของ Microsoft สำหรับตัวประมวลผล 64 บิตที่ออกแบบมาสำหรับการทำงานกับหน่วยความจำขนาดใหญ่และโปรเจ็กต์ต่างๆ เช่น ลักษณะพิเศษของภาพยนตร์ ภาพเคลื่อนไหวสามมิติ โปรแกรมทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์
  • Windows XP Media Center Edition (2002) เหมาะสำหรับการใช้งานและการให้ความบันเทิงภายในบ้าน คุณสามารถท่องอินเทอร์เน็ต ดูรายการสด เพลิดเพลินกับคอลเลกชันเพลงและวิดีโอดิจิทัล และดูดีวีดีได้
  • Windows XP Tablet PC Edition (2002) เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ที่รับข้อมูลแบบลายมือ แท็บเล็ตพีซีจะมีปากกาดิจิทัลที่ใช้ร่วมกับระบบการจดจำลายมือ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้เมาส์หรือแป้นพิมพ์ได้ด้วย
เกร็ดน่าสนใจ: Windows XP เกิดจากการคอมไพล์โค้ดจำนวน 45 ล้านบรรทัดเข้าด้วยกัน

Windows 98, Windows 2000, Windows Me : 2541–2543

2541–2543: Windows 98, Windows 2000, Windows Me — Windows ได้รับการพัฒนาเพื่อการทำงานและเล่นสนุก



Windows 98

Windows 98 ที่วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2541 เป็น Windows เวอร์ชันแรกที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้ทั่วไป พีซีกลายเป็นอุปกรณ์ที่พบได้ทั่วไปในที่ทำงาน ที่บ้าน และร้านอินเทอร์เน็ตที่คุณสามารถออนไลน์ได้ก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด Windows 98 ได้รับการขนานนามว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่ “ทำงานก็ได้ เล่นก็ดี”
Windows 98 ช่วยให้คุณสามารถค้นหาข้อมูลบนพีซีของคุณและบนอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่ ความสามารถในการเปิดและการปิดโปรแกรมที่รวดเร็วขึ้น และการสนับสนุนการอ่านแผ่นดีวีดีและอุปกรณ์ Universal Serial Bus (USB) อีกสิ่งหนึ่งที่ปรากฏเป็นครั้งแรกก็คือ แถบ 'เปิดใช้งานด่วน' ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเปิดโปรแกรมได้โดยไม่ต้องเปิดเมนู 'เริ่ม' หรือค้นหาโปรแกรมบนเดสก์ท็อป
   

เกร็ดน่าสนใจ: Windows 98 เป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่สร้างจาก MS‑DO


Windows Me

Windows Me ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานภายในบ้านมีการปรับปรุงคุณลักษณะเกี่ยวกับเพลง วิดีโอ และเครือข่ายภายในบ้านจำนวนมาก รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้มีความเสถียรมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
สิ่งที่ปรากฏเป็นครั้งแรก ได้แก่ System Restore ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สามารถย้อนการกำหนดค่าซอฟต์แวร์พีซีของคุณกลับไปยังวันที่หรือเวลาก่อนที่จะเกิดปัญหาได้ Movie Maker ทำให้ผู้ใช้มีเครื่องมือที่สามารถแก้ไข บันทึกและแบ่งปันวิดีโอภาพครอบครัวในแบบดิจิทัล และด้วยเทคโนโลยี Microsoft Windows Media Player 7 คุณจึงสามารถค้นหา จัดระเบียบ และเล่นสื่อดิจิทัลได้
เกร็ดน่าสนใจ: หากจะพูดกันในเชิงเทคนิค Windows Me ถือเป็นระบบปฏิบัติการสุดท้ายของ Microsoft ที่ใช้โค้ดของ Windows 95 เป็นพื้นฐาน Microsoft ประกาศว่าผลิตภัณฑ์ระบบปฏิบัติการทั้งหมดในอนาคตจะทำงานบนเคอร์เนล Windows NT และ Windows 2000

Windows 2000 Professional

Windows 2000 Professional ไม่ได้เป็นเพียงแค่การอัปเกรดจาก Windows NT Workstation 4.0 เท่านั้น แต่ยังออกแบบมาเพื่อแทนที่ Windows 95, Windows 98 และ Windows NT Workstation 4.0 ที่อยู่บนเดสก์ท็อปและแล็ปท็อปสำหรับธุรกิจทั้งหมด Windows 2000 สร้างโดยใช้โค้ด Windows NT Workstation 4.0 ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายอดเยี่ยมเป็นพื้นฐาน และมีการปรับปรุงด้านความเสถียร ความสะดวกในการใช้งาน ความสามารถในการใช้งานอินเทอร์เน็ต และรองรับการใช้งานบนคอมพิวเตอร์แบบพกพา
นอกจากจะปรับปรุงการทำงานในส่วนต่างๆ แล้ว Windows 2000 Professional ยังรองรับฮาร์ดแวร์ Plug and Play แบบใหม่หลายชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์การเชื่อมต่อเครือข่ายและระบบไร้สายขั้นสูง อุปกรณ์ USB อุปกรณ์ IEEE 1394 และอุปกรณ์อินฟราเรด ซึ่งช่วยให้การติดตั้งฮาร์ดแวร์เป็นเรื่องง่าย
เกร็ดน่าสนใจ: การทดสอบที่กดดันทุกคืนของ Windows 2000 ในระหว่างการพัฒนาเทียบได้กับเวลาการทำงานสามเดือนบนคอมพิวเตอร์ 1,500 เครื่อง

Windows 95 : 2538–2541

2538–2541: Windows 95 — พีซีเติบโตเต็มที่ (และที่ลืมไม่ได้เลยคือ อินเทอร์เน็ต)


ในวันที่ 24 สิงหาคม 2538 Microsoft ได้ออกวางจำหน่าย Windows 95 ซึ่งสามารถสร้างสถิติทำยอดขายได้ถึง 7 ล้านสำเนาในช่วงห้าสัปดาห์แรก นับเป็นการเปิดตัวที่ได้รับการกล่าวขานถึงมากที่สุดที่ Microsoft เคยทำมา สปอตโฆษณาทางโทรทัศน์ใช้เพลงของ Rolling Stones ที่ชื่อว่า "Start Me Up" ในการนำเสนอปุ่ม 'เริ่ม' ซึ่งเป็นปุ่มใหม่ ข่าวประชาสัมพันธ์พาดหัวขึ้นต้นว่า: “อยู่นี่ไง”
นี่คือยุคของแฟกซ์/โมเด็ม อีเมล โลกออนไลน์แบบใหม่ และเกมมัลติมีเดียที่ละลานตาและซอฟต์แวร์ทางการศึกษา Windows 95 มีการสนับสนุนอินเทอร์เน็ตในตัว การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่านสายโทรศัพท์ และความสามารถใหม่ Plug and Play ที่ทำให้ติดตั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิตยังมาพร้อมความสามารถด้านมัลติมีเดียขั้นสูง คุณลักษณะสำหรับคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบครบวงจร



ในช่วงเวลาที่มีการวางจำหน่าย Windows 95 ระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นก่อนหน้าและ MS‑DOS มีการใช้งานอยู่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของพีซีที่มีอยู่ในโลก Windows 95 เป็นการปรับรุ่นให้กับระบบปฏิบัติการเหล่านี้ เมื่อต้องการเรียกใช้ Windows 95 คุณจำเป็นต้องมีพีซีที่มีตัวประมวลผล 386DX หรือที่สูงกว่า (ขอแนะนำ 486) และมี RAM อย่างน้อย 4 MB (ขอแนะนำ RAM 8 MB) เวอร์ชันอัปเกรดมีทั้งในรูปแบบฟลอปปีดิสก์และซีดีรอม โดยสามารถใช้งานได้ใน 12 ภาษา
Windows 95 เป็นเวอร์ชันแรกที่มีเมนู 'เริ่ม' แถบงาน ปุ่มย่อ ปุ่มขยาย และปุ่มปิดบนแต่ละหน้าต่าง





การจับกระแสอินเทอร์เน็ต

ในช่วงต้นปี 2533 ผู้ที่อยู่ในแวดวงเทคโนโลยีพูดถึงอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นเครือข่ายที่ประกอบขึ้นด้วยเครือข่ายต่างๆ ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ในปี 2538 Bill Gates ได้ออกบทความที่ชื่อว่า “The Internet Tidal Wave” และประกาศว่าอินเทอร์เน็ตเป็น “การพัฒนาที่สำคัญที่สุดตั้งแต่พีซีถือกำเนิดขึ้น”
ในฤดูร้อน ปี 2538 มีการออก Internet Explorer รุ่นแรก เบราว์เซอร์นี้ออกมาเพื่อร่วมประชันกับเบราว์เซอร์อื่นๆ ที่มีอยู่บน World Wide Web
เกร็ดน่าสนใจ: ในปี 2539 Microsoft วางจำหน่ายโปรแกรมจำลองการบินสำหรับ Windows 95 นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 14 ปี ที่สามารถใช้งานกับ Windows ได้


Windows 3.0 – Windows NT : 2533–2537

2533–2537: Windows 3.0 – Windows NT — เริ่มรองรับกราฟิก

Windows 3.0

ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2533 Microsoft ได้ประกาศเปิดตัว Windows 3.0 และตามมาด้วย Windows 3.1 ในปี 2535 เมื่อนับรวมกัน ทั้งสองรุ่นสามารถขายได้ 10 ล้านสำเนาในระยะเวลาสองปีแรก ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นระบบปฏิบัติการที่มีการใช้กันแพร่หลายมากที่สุด ความสำเร็จนี้ทำให้ Microsoft กลับมาคิดทบทวนแผนการก่อนหน้านี้อีกครั้ง หน่วยความจำเสมือนช่วยปรับปรุงกราฟิกการแสดงผล ในปี 2533 Windows เริ่มมีลักษณะเหมือนกับรุ่นที่ใช้งานกันอยู่
Windows ในตอนนี้ มีพัฒนาการด้านประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นมาก มีกราฟิกขั้นสูง 16 สี และไอคอนที่ปรับปรุงใหม่ คลื่นลูกใหม่ของพีซี 386 ช่วยให้ Windows 3.0 เป็นที่นิยมมากขึ้น ด้วยตัวประมวลผล Intel 386 ผู้ใช้จึงสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีการเพิ่ม Program Manager, File Manager และ Print Manager เข้ามาใน Windows 3.0



มีการติดตั้งซอฟต์แวร์ Windows โดยใช้ฟลอปปีดิสก์ที่อยู่ในกล่องขนาดใหญ่ซึ่งมาพร้อมคู่มือการใช้งานเล่มหนา
ความนิยมของ Windows 3.0 เติมโตพร้อมกับการวางจำหน่าย Windows software development kit (SDK) ใหม่ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์มุ่งเน้นไปที่การเขียนโปรแกรมมากขึ้นและใช้เวลาในการเขียนโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์น้อยลง
Windows มีการใช้งานในที่ทำงานและที่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ยังมีเกมต่างๆ เช่น Solitaire, Hearts และ Minesweeper โดยมีการโฆษณาว่า “ตอนนี้คุณสามารถใช้ความสามารถอันน่าทึ่งของ Windows 3.0 เพื่อลดภาระของคุณได้แล้ว”
Windows สำหรับ Workgroups 3.11 ได้เพิ่มเวิร์กกรุ๊ปแบบเพียร์ทูเพียร์และการสนับสนุนเครือข่ายโดเมน และเป็นครั้งแรกที่พีซีกลายเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ไคลเอ็นต์/เซิร์ฟเวอร์ที่เกิดใหม่

Windows NT

เมื่อ Windows NT ออกวางจำหน่ายในวันที่ 27 กรกฎาคม 2536 Microsoft ได้มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญ นั่นคือ โปรเจ็กต์ที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1980 เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการใหม่ขั้นสูงตั้งแต่เริ่มต้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว "Windows NT แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงรากฐานของวิธีการที่บริษัทต่างๆ สามารถใช้จัดการกับความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ของธุรกิจได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน" Bill Gates กล่าวไว้เมื่อผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่าย
ซึ่งแตกต่างจาก Windows 3.1 อย่างไรก็ตาม Windows NT 3.1 เป็นระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิต ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจเชิงกลยุทธ์ที่รองรับโปรแกรมทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ระดับสูง
เกร็ดน่าสนใจ: แต่เดิมมีการเรียกกลุ่มที่พัฒนา Windows NT ว่าทีม "ระบบพกพา"


Windows 2.0 – 2.11 : 2530–2533

2530–2533: Windows 2.0–2.11 — หน้าต่างมากขึ้น ความเร็วเพิ่มขึ้น



ในวันที่ 9 ธันวาคม 2530 Microsoft ได้วางจำหน่าย Windows 2.0 ที่มีไอคอนบนเดสก์ท็อปและหน่วยความจำส่วนขยาย ด้วยการสนับสนุนกราฟิกที่ได้รับการปรับปรุง ตอนนี้คุณสามารถซ้อนทับหน้าต่าง ควบคุมเค้าโครงของหน้าจอ และใช้แป้นพิมพ์เพื่อให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น นักพัฒนาซอฟต์แวร์บางคนเขียนโปรแกรมแรกของตนเองบน Windows รุ่นนี้
Windows 2.0 ออกแบบมาสำหรับการใช้งานกับตัวประมวลผล Intel 286 เมื่อมีการวางจำหน่ายตัวประมวลผล Intel 386 Windows/386 ก็ออกตามมาทันทีเพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถของหน่วยความจำส่วนขยาย Windows รุ่นต่อมายังคงมีการปรับปรุงความเร็ว ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการใช้งานของพีซีอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2531 Microsoft กลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์สำหรับพีซีรายใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อดูจากยอดขาย คอมพิวเตอร์เริ่มกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันสำหรับผู้ที่ทำงานในสำนักงานบางแห่ง
เกร็ดน่าสนใจ: แผงควบคุมเผยโฉมเป็นครั้งแรกใน Windows 2.0


เปิดตัว Windows 1.0 : 2525–2528

2525–2528: การเปิดตัว Windows 1.0

Microsoft ยังคงพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่เวอร์ชันแรกต่อไป Interface Manager เป็นชื่อรหัสและได้รับเลือกให้เป็นชื่อสุดท้าย แต่ชื่อ Windowsกลับมาชนะไปในที่สุด เพราะอธิบายถึงกล่องหรือ “หน้าต่าง” ของคอมพิวเตอร์ที่เป็นรากฐานของระบบใหม่ได้ดีที่สุด มีการประกาศวันวางจำหน่าย Windows ในปี 2526 แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป พวกที่ไม่ปลื้มเรียกว่าระบบนี้ว่า “เวเปอร์แวร์”
ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2528 สองปีหลังจากการประกาศเปิดตัวครั้งแรก Microsoft ก็วางจำหน่าย Windows 1.0 ตอนนี้ แทนที่จะพิมพ์คำสั่ง MS‑DOS คุณก็เพียงแค่เลื่อนเมาส์เพื่อชี้และคลิกที่ตำแหน่งต่างๆ บนหน้าจอ หรือ “หน้าต่าง” เท่านั้น Bill Gates พูดว่า “นี่คือซอฟต์แวร์พิเศษที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้พีซีตัวจริง”

มีเมนูดรอปดาวน์ แถบเลื่อนหน้าจอ ไอคอน และกล่องโต้ตอบที่ช่วยให้เข้าใจการทำงานและใช้งานโปรแกรมได้ง่ายขึ้น คุณสามารถสลับระหว่างโปรแกรมต่างๆ ได้โดยไม่ต้องออกจากอีกโปรแกรมหรือเริ่มระบบใหม่ Windows 1.0 มาพร้อมโปรแกรมมากมาย ซึ่งได้แก่ การจัดการไฟล์ MS‑DOS, Paint, Windows Writer, Notepad, Calculator รวมถึงปฏิทิน, ไฟล์การ์ด และนาฬิกาที่จะช่วยคุณจัดการกับงานในแต่ละวัน และยังมีเกม Reversi ด้วย
เกร็ดน่าสนใจ: จำฟลอปปีดิสก์กับกิโลไบต์ได้ใช่ไหม Windows 1.0 จำเป็นต้องใช้หน่วยความจำอย่างน้อย 256 กิโลไบต์ (KB) ฟลอปปีดิสก์ไดรฟ์แบบสองด้าน และการ์ดจอ มีการแนะนำให้ใช้ฮาร์ดดิสก์และหน่วยความจำ 512 KB สำหรับการเรียกใช้หลายๆ โปรแกรมหรือเมื่อใช้ DOS 3.0 หรือรุ่นที่สูงกว่า




การมาของ MS‑DOS

ในเดือนมิถุนายน 2523 Gates และ Allen ได้ว่าจ้าง Steve Ballmer อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนจากฮาร์วาร์ดของ Gates ให้มาช่วยพวกเขาดำเนินกิจการของบริษัท ในเดือนต่อมา IBM ได้เข้ามาติดต่อ Microsoft เกี่ยวกับโปรเจ็กต์ที่ชื่อว่า "Chess" ด้วยเหตุนี้ Microsoft จึงได้หันมาให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติการใหม่ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการ หรือสั่งงานฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์และยังทำหน้าที่เชื่อมช่องว่างระหว่างฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์กับโปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวลผลคำ และยังเป็นพื้นฐานสำหรับการสั่งงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย พวกเขาตั้งชื่อระบบปฏิบัติการใหม่นี้ว่า "MS‑DOS"
การวางจำหน่ายพีซีของ IBM ที่ใช้ MS‑DOS ในปี 2524 ถือเป็นการเปิดตัวภาษาใหม่ให้สาธารณชนทั่วไปรู้จัก การพิมพ์ “C:” และคำสั่งที่เป็นรหัสต่างๆ เริ่มกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานประจำวัน ผู้คนเริ่มรู้จักปุ่มแบคสแลช (\)
MS‑DOS ใช้งานได้ดี แต่ก็ยังเข้าใจได้ยากสำหรับผู้ใช้หลายๆ คน ต้องมีวิธีสร้างระบบปฏิบัติการที่ดีกว่านี้สิ
เกร็ดน่าสนใจ:  MS‑DOS ย่อมาจาก Microsoft Disk Operating System

Windows ถือกำเนิด

2518–2524: Microsoft ถือกำเนิดขึ้น




ในช่วงปี 2513 ที่ทำงานเราต้องใช้เครื่องพิมพ์ดีด หากจำเป็นต้องทำสำเนาเอกสาร เราก็จะใช้เครื่องโรเนียวหรือกระดาษคาร์บอน ไม่ค่อยมีใครพูดถึงไมโครคอมพิวเตอร์ แต่เด็กหนุ่มสองคนที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์อย่าง Bill Gates และ Paul Allen กลับเห็นว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคือเส้นทางสู่อนาคต
ในปี 2518 Gates และ Allen ร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อ Microsoft Microsoft ก็ไม่ต่างจากบริษัทที่เริ่มกิจการใหม่ส่วนใหญ่ โดยเริ่มจากจุดเล็กๆ แต่มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ บนทุกโต๊ะทำงานและในทุกบ้านต้องมีคอมพิวเตอร์ ในปีต่อๆ มา Microsoft เริ่มเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของเรา

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

My Profile


Romyenn Villa


( Maxxi ) >/////<

Name                 :    Mr. Worachot   Waleeprakhon  (ww)            Age : 18 yeah old

Nickname          :    Maxxi

School               :    Suksanareewittaya

hobby                :    Watch a movie , Sleep , eat

Favorite sport   :    Football , Swimming , Runing